เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น
เป็นนิยายญี่ปุ่นสไตล์อ่านแล้วอบอุ่นหัวใจ เนื้อเรื่องจะว่าด้วยร้านกาแฟเล็กๆแห่งนึง ที่มีตำนานเล่าว่า ร้านนี้สามารถพาเราย้อนเวลาได้ เพียงแค่ทานกาแฟนบนโต๊ะตัวหนึ่ง
แต่ว่า มันก็ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เพราะมีรายละเอียดปลีกย่อยหลายข้อ เช่น ถึงจะย้อนเวลาได้ แต่เราไม่สามารถแก้ไขอะไรให้ดีขึ้นได้
และที่สำคัญที่สุดคือ ระยะเวลาที่เราจะได้อยู่ในอดีตนั้น จะเท่ากับเวลาที่กาแฟยังอุ่นอยู่เท่านั้นเอง
ซึ่งเรื่องราวก็จะแบ่งเป็นตอนๆ แต่ละตอนก็มีความสัมพันธ์ของคนเป็นคู่ เช่น สามีภรรยา พี่น้อง คู่รัก เป็นต้น
โดยรวม Plot มันก็สนุกดีนะ ที่ว่าย้อนเวลาได้แป๊ปเดียว แถมย้อนไปก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้ ซึ่งจริงๆในหนังสือยังมีข้อกำหนดอื่นๆที่ทำให้อ่านแล้วรู้สึกว่า จะย้อนเวลาไปให้เสียเวลาทำไม แต่นั่นหล่ะ พอได้อ่าน พอได้ค่อยๆคิด ก็เริ่มเข้าใจ ว่าถ้าเราจะย้อนเวลาได้แป๊ปเดียว เราจะทำอะไร
เราคงจดจ่ออยู่กับปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับคนตรงหน้า ไม่อ้อมค้อมในความรู้ จริงใจต่อตัวเอง เพราะไม่มีโอกาสที่สองแล้ว … มันก็ได้ข้อคิดนะ ว่าบางทีเราใช้เวลาปัจจุบันได้ไม่เต็มที่ และบาง Moment พอผ่านไปเราก็คงเสียดาย ถ้าไม่ได้ทำอะไรที่จริงใจ (อย่างน้อยก็ต่อความรู้สึกตัวเอง) ออกไป
ถามว่านิยายสนุกมั้ย … ก็สนุกแต่ไม่สุด อาจจะเพราะอ่านหนังสือและดูหนัง แนวย้อนเวลาจากญี่ปุ่นมาเยอะ เลยรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้ว้าวอะไรมากมาย
ก็เลยไปสืบต่อว่านิยายนี้มันมีอะไรยังไงบ้าง ก็พบว่ามีทำเป็นหนัง ซึ่งอ่านเรื่องย่อแล้วพบว่าหนังได้ปรับเนื้อหา ปิด plot hole บางจุด และ ดันเรื่องตอนท้ายได้พีคกว่า ก็เลยเข้าใจว่า สวนหนึ่งที่หนังสือดังอาจจะเป็นเพราะหนัง … จริงๆ บทหนังนี่ อ่านแล้วรู้สึกว่าดีมากเลย นี่ว่าจะลองไปหาดู
นอกเรื่อง นี่ก็สงสัยมาซักพักแล้วว่า ทำไมคนญี่ปุ่นนี่ชอบพล๊อตแนวย้อนเวลากันจัง ย้อนไปย้อนมา ย้อนหลากหลายรูปแบบ ไม่รู้ว่าวัฒนธรรมบ้านเค้ามีอะไรที่ทำให้คนอินเรื่องกับเวลามั้ย
พอดีผมมีน้องชายอยู่ญี่ปุ่น เค้าบอกว่าอาจเป็นเพราะ วัฒนธรรมเซ็น มีผลมากต่อคนญี่ปุ่น ซึ่งเซ็นก็คือพุทธสายหนึ่ง ที่เน้นการอยู่กับปัจจุบัน ความงามของเซ็น ในมุมหนึ่งคือความงามในชั่วขณะ ดังนั้นดอกซากุระ จึงเป็นที่นิยมมากเปิดพิเศษ ไม่ใช่เพราะมันสวยกว่าดอกอื่น แต่เพราะ ซากุระบานไม่นาน มันเป็นความงามชั่วขณะ ที่สื่อได้ถึงหลักคิดของเซ็น
พล๊อตย้อนเวลา หลักๆมันคือการบอกว่า อยากย้อนไปแก้ไข ดังนั้นทำไมเราไม่ตั้งในอยู่กับปัจจุบันแต่แรกไปเลยหล่ะ ซึ่งมันสอดคล้องกับแนวคิดเซ็นในมุมนี้ ส่วนตัวก็เลยคิดว่า คงเป็นแบบนี้มั๊ง คนญี่ปุ่นเลยชอบพล๊อตแบบนี้เป็นพิเศษ