Lost Cities Card Game

หนึ่งในเกมเล่น 2 คนที่สนุกมากกก เหมาะสำหรับไว้เล่นตบตีกับแฟน

ธีม เรากำลังออกไปสำรวจดินแดนลึกลับ มี 5 เมืองให้ค้นหา ยิ่งเราเดินทางได้ลึกจะยิ่งได้แต้มเยอะ
แต่ธีมมันไม่เข้ากับ Mechanic เท่าไหร่ ลืมๆไปก็ได้ 5555

เกมนี้เด็ดตรง กติกาเรียบง่ายครับ
อยากบอกว่าเวลาเล่นได้ได้อารมณ์เหมือนเล่นดัมมี่

เกมนี้เล่นเร็ว จบใน 15 นาที
แต่ดันความพีคและตึงได้ในเวลาอันรวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน

.

ก็เป็นอีกหนึ่งเกมที่อยากแนะนำให้เล่น ถ้าอยากหาเกมเล่น 2 คน
เหมาะสำหรับเป็น Filler เกมเล่นฆ่าเวลารอเกมใหญ่ หรือ เล่นกับแฟนก่อนนอน ตบตีสร้างบรรยากาศกันก่อนปิดไฟ

ผมเคยเล่นเกมนี้กับเซียนดัมมี่ เจอเค้าจั่วเค้าฝาก สุดท้ายทำแต้มกระฉูด
แบบว่างงไปเลย (หรือว่าผมอ่อนเอง)

ก็เป็นอีกเกมที่นักออกแบบเกมควรศึกษาไว้ครับ ในความเรียบง่ายของกติกาและสามารถเล่นได้ลึกในระดับที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับขนาดเกม

.

กติกาเกมคร่าวๆ

  • จั่วไพ่ขึ้นมือ คนละ 8 ใบ
  • ไพ่มี 5 สี แต่ละสีมีเลขตั้งแต่ 2-10 และ ไพ่รูปจับมือ
  • การเล่นมี 2 ขั้นตอนหลักๆ

Step1 วางไพ่ 1 ใบ โดยเลือกระหว่าง
1) วางไพ่ 1 ใบลงบนโต๊ะ โดยต้องวางไพ่เรียงแยกตามสี และ เลขต้องสูงกว่าใบล่าสุดที่เพิ่งวางไป ยกเว้นไพ่จับมือที่ต้องวางหัวแถวเท่านั้น (ง่ายๆ วางไพ่เรียงเลขจากต่ำไปสูงนั่นเอง เช่น เราวาง 4 แดง ลงไปแล้ว เราไม่สามารถวาง 1,2,3 แดงได้ละ ต้องว่าเลข 5ขึ้นไป) นั่นคือในระหว่างเล่นเราจะมีไพ่วางเป็นแถวๆ แถวละสี
2) ทิ้งไพ่ 1 ลงกองไพ่ทิ้ง โดยที่กองไพ่ทิ้ง จะมี 5 กอง แยกตามสี เวลาทิ้งให้ไพ่หงายขึ้น

Step2 จั่วไพ่ 1 ใบ โดยเลือกระหว่าง
1) จั่ว 1 ใบจากกองไพ่จั่ว
2) จั่ว 1 ใบจากกองไพ่ทิ้ง 1 ใบที่หงายกองไหนก็ได้ แต่ห้ามหยิบใบที่เราเพิ่งทิ้งไป

  • เกมจบทันทีเมื่อไพ่สุดท้ายถูกหยิบจากกองจั่ว

การนับแต้ม

  • แต้มเท่ากับเลขที่วางไปเลย เช่น เลข2 ก็2แต้ม
  • บวกๆไป ว่าแต่ละสีเราทำได้แต้มรวมกี่แต้ม
  • แต่เดี๋ยวก่อน ลบ 20 ออกจากแต้มรวมของแต่ละสี แปลว่า ถ้าเราวางไพ่ได้แต้มน้อยกว่า20 จะกลายเป็นว่าเราได้แต้ม ติดลบ แต่ถ้าสีไหนเราไม่ได้วางไพ่เลย ก็ไม่ต้องลบ 20
  • และสุดท้าย ถ้ามีไพ่จับมือ ดูว่าเราวางไปกี่ใบ 1,2,3 ใบ ก็คูณ 2,3,4 ให้กับแต้มรวม
  • รวมคะแนนจะทุกสีที่ทำได้ ใครได้แต้มมากกว่าชนะ

.

อยากบอกว่า การที่ต้องลบ 20 แต้มนี้ทำให้เกมตึงมาก การออกตัวก่อนว่าจะเล่นสีไหน มันจะทำให้เพื่อนอมไพ่กั๊กเราได้ รวมถึงเราสามารถทิ้งไพ่ยั่วให้เพื่อนลง เพื่อล่อไพ่ที่เราต้องการ

………………………………………
WordPress: https://beyondboard.blog/
YouTube: https://youtube.com/channel/UCq2G7XyS9Q5dQXXrHPSLxbA
Blockdit: https://www.blockdit.com/pages/600d1f1c393e750cdef0bc86
……………………………………….

Peacock in the land of penguins

เล่ม 8/2564
ก็หนังสือแนว Management ที่แต่งเป็นนิทานเหมือน Who Move My Cheese

เนื้อเรื่องว่าด้วย เกาะของนกเพนกวิ้น พบว่า เกาะตัวเองไม่มีความคิดสร้างสรรค์ ไม่มีความแตกต่าง
เลยชวนนกยูงมาอยู่ด้วย เพื่อสร้างความแตกต่าง สร้างสิ่งใหม่ๆ นวัตกรรม

และเพนกวิ้นก็ประกาศว่า “We value diversity”

แต่เนื่องจากนกยูงมีสีสันเกินไป เพนกวิ้นเก่าๆรับไม่ได้ เลยสั่งให้นกยูงมาใส่สูทสีดำเหมือนตัวเอง
และไม่ว่านกยูงจะพยายามเท่าไหร่ เหล่าเพนกวิ้นก็รับไม่ค่อยได้ เหตุผลคือ สิ่งที่นกยูงทำ มันมีความเป็นเพนกวิ้นน้อยไป

และสุดท้ายนกยูงก็ถูกไล่ออกจากเกาะ ด้วยเหตุผลที่นกเพนกวิ้นชวนมาอยู่ตอนแรกคือ
สร้างสรรค์เกินไป กล้าเกินไป และ มีความเป็นเพนกวิ้นน้อยไป

ซึ่งเพนกวิ้นก็ยังคงประกาศว่า “We value diversity”

.

ก็เป็นหนังสือว่าด้วยการสร้าง Culture องค์กร การเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับสิ่งใหม่

  1. สิ่งที่ผมได้จากเล่มนี้คือ
  2. ปัญหาที่หนังสือเล่มนี้เสนอคือ ไม่ใช้เน้นว่า จะให้นกยูงปรับตัวยังไง แต่เป็นเพนกวิ้นต่างหากที่ต้องปรับตัว แต่องค์กรต่างๆ มักจะโทษนกยูง ลืมที่โทษตัวเพนกวินเอง
  3. วัฒนธรรมที่จะทำให้องค์กรสำเร็จคือ Accptance and Trust ยอมรับและเชื่อมั่นในกันและกัน ปล่อยให้มีการแชร์ความรู้ความสามารถหว่างกัน ให้แต่ละคนได้ทำให้ด้านที่ตนได้เปล่งประกาย
  4. Opportunity จริงแล้วเกิดจากทัศนคติ ซึ่งทัศนคตินั้นคือ … Open to new Ideas, Willing to listen, Eager to learn, Desire to grow and Flexibility to change.

.

เล่มเล็ก อ่านจบไว เหมาะสำหรับคนที่สนใจวัฒนธรรมองค์กร โดยเฉพาะด้านการสร้างนวัตกรรม
หนังสือเก่าละ แต่ยังอ่านเอาหลักการได้อยู่นะ ไม่ได้ล้าสมัย

หนังสือจริงๆมีนกอีกหลายแบบนะ เช่นนกอินทรี ที่เป็นแทนถึงคนที่เป็นนักปฏิบัติ กล้าออกไปทำ คุณจะรู้ว่าคนเป็นแนวนกตัวไหน
และตอนท้ายหนังสือก็สอนด้วยว่า ถ้าคุณต้องอยู่ในดงเพนกวิ้น คุณควรจะใช้ชีวิตยังไงให้เกิดประโยชน์สูงสุด

.

ปล. เท่าที่อ่านหนังสือว่าด้วยการปรับตัวเปลี่ยนแปลง มันชอบจะมีนกเพนกวิ้นนะ เช่นหนังสือ Our Iceberg is Melting ก็เป็นเรื่องภูเขาน้ำแข็งที่กำลังละลายแล้วเหล่าแพนกวิ้นต้องหาทางหนี แต่ก่อนจะหนีต้องไปบอกให้เพื่อนๆเชื่อให้ได้ก่อนว่า เกาะกำลังละลายนะ

… หรือว่า เพนกวิ้น เป็นตัวแทนของการเปลี่ยนแปลง มันต้องมีอะไรบางอย่างแน่ๆ 5555

………………………………………

FB: https://m.facebook.com/TrangCatan

YouTube: https://youtube.com/channel/UCq2G7XyS9Q5dQXXrHPSLxbA

Blockdit: https://www.blockdit.com/pages/600d1f1c393e750cdef0bc86


……………………………………….

บอร์ดเกม แชมป์ 2 สถาบัน

ในวงการบอร์ดเกมนอกจากรางวัล Spiel Des Jahres (SDJ) ที่ถือว่าเป็นรางวัลใหญ่ระดับออสก้าร์ของวงการบอร์ดเกมแล้ว ยังมีอีกรางวัลใหญ่นึงชื่อว่า Deutscher Spielepreis (DSP)

ความแตกต่างหลักๆของสองรางวัลนี้คือ SDJ จะมีแนวโน้มให้รางวัลกับเกมแนว Family ที่เข้าถึงผู้เล่นหลากหลาย ในขณะที่ DSP จะเน้นให้รางวัลกับ Gamers’ Game ซึ่งเน้นเกมที่มีความยาก ระบบเกมสร้างสรรค์ ตัวอย่างเกมที่เคยชนะ DSP ก็เช่น Agricola, Terra Mystica, Russian Railroads

.

มันเลยเป็นการยากมากที่ในปีนึง จะมีเกมใดสามารถชนะทั้ง 2 สถาบันได้ในปีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคหลังๆที่ SDJ แตกรางวัลออกเป็นย่อยๆ ทำให้รางวัลสูงสุดเน้นความเป็น Family มากขึ้น

แต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีเพียง 6 เกมคือ

  1. Catan – เกมนี้ไม่ต้องพูดถึง อมตะไปแล้ว หนึ่งในสุดยอดเกมแนวเจรจา
  2. El Grande – พระบิดาแห่งเกมแนว Area Control ชาตินี้ต้องลอง
  3. Tikal – เกมแนว Action Point คิดหัวแตก ธีมสำรวจอารยธรรมโบราณ เล่นจบแล้วถ่ายรูปสวย
  4. Carcassonne – Tile Laying game ระดับตำนาน เกมไหนมีวางไทด์ เราก็อดเอามาเทียบกับเกมนี้ไม่ได้
  5. Dominion – เกมแรกที่ทำให้ระบบ Deck Building โด่งดังและนิยมถึงทุกวันนี้
  6. Azul – เกม Abtract Strategy ที่ให้เราหยิบกระเบื้องมาปู กติกาง่าย แต่ลึก

.

เราก็จะเห็นว่า เกมที่สามารถชนะทั้งสองรางวัล ล้วนแต่เป็นเกมที่จริงๆแล้วกติกาสอนง่าย เล่นได้ทั้งครอบครัว แต่ถ้าคิดให้ลึกก็ลึกหัวแตก
และ ส่วนใหญ่ก็เป็นเกมระดับเรือธง แนวหน้าของระบบนั้นๆ

ถ้าไม่รู้จะสะสมเกมไหน ก็เอา 6 เกมนี้ได้ครับ ไม่ธรรมดา

………………………………………

FB: https://m.facebook.com/TrangCatan

YouTube: https://youtube.com/channel/UCq2G7XyS9Q5dQXXrHPSLxbA

Blockdit: https://www.blockdit.com/pages/600d1f1c393e750cdef0bc86
……………………………………….

5 หนังสือน่าอ่านประกอบการเล่นเกม Root

เกม Root กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้งหลังจากที่กำลังจะได้มีการแปลไทยโดย The Stronghold SIAM : Gateway to Board Games

ซึ่งเกมนี้ผมชอบเป็นพิเศษตรงธีม ที่สะกัดเอาแก่นของเรื่องราวบางอย่างมาเล่าได้อย่างกำลังดี ไม่รู้สึกยัดเยียด คือจะเล่นเอาสนุก หรือ เอาธีมมาคุยถกเถียงกันต่อก็ได้

สำหรับท่านที่ยังไม่ค่อยรู้จักเกมนี้ ธีมหลักๆของเกมก็ ว่าด้วยสงครามแย่งชิงดินแดนของหมู่สัตว์ ที่มีแมวเป็นผู้ปกครองคนปัจจุบัน นกซึ่งเป็นราชวงศ์เก่าพยายามจะยึดอำนาจคืน มีสัตว์ป่าชาวบ้าน และ มีภาคเสริมที่เพิ่มกิ่งก่าเจ้าลัทธิ หรือ ตัวนากพ่อค้า

.

พอเกมนี้จะได้แปลไทย ก็มีน้องๆบางคนมาชวนคุยเกี่ยวกับเกมนี้ ในธีมการเมือง ซึ่งมันเข้ากับบ้านเราพอดี

ก็ทำให้ผมหยุดคิดถึงมันไม่ได้ และ คิดว่า ถ้าใครอยากจะศึกษาต่อ ควรอ่านหนังสืออะไรดี ในมุมมองของผมนะครับ

  1. ขุนศึก ศักดินา พญาอินทรีย์
    คงไม่มีเล่มไหนเหมาะเท่าเล่มนี้แล้วในยุคนี้ สำหรับการต่อสู้กันของขั้วอำนาจ สิ่งเดียวที่แตกต่างกันของ หนังสือเล่มนี้ต่างจากเกม Root ตรงที่ Root นั้นมีบทบาทของประชาชน
  2. Animal Farm
    เมื่อเหล่าสัตว์ยึดฟาร์มจากมนุษย์และปกครองตัวเอง หนังสือบางๆแต่ทำให้เห็นภาพการฉ้อฉล และ วิธีการควบคุมประชาชนของท่านผู้ทำ
  3. 1984
    ว่าด้วยสังคมที่ถูกปกครองด้วยความหวาดกลัว เพราะรู้สึกว่าถูกจับตามองตลอดเวลาจนไม่กล้าทำอะไร
  4. The Prince
    เล่นนี้พีค อยากให้ลองอ่าน เพราะหนังสือได้รวมแนวทางการปกครองของผู้นำทั้งหมดไว้ ไม่เว้นแม้แต่วิชามารต่างๆ อ่านแล้วขนลุกตามตลอดเล่ม
  5. The Art of Strategy
    หนังสือว่าด้วย Game Theory ที่สรุปใจความไว้ครบถ้วน และ ที่ยังแนะนำ Strategy ที่ควรใช้ในกรณีต่างๆ เกมแห่งอำนาจมันไม่ได้ใช้แค่กำลังแต่มันต้องมี Strategy ด้วย

.

เพื่อนๆมีหนังสืออะไรแนะนำให้อ่านมั้ยครับ ได้จะลองไปอ่านบ้าง

หนังสืออาจจะดูเครียดๆไปหน่อย แต่ถ้าชอบแนวๆนี้จะอ่านแล้วกลับมาเล่นเกม เพิ่มความฟินแน่นอนครับ

………………………………………

FB: https://m.facebook.com/TrangCatan

YouTube: https://youtube.com/channel/UCq2G7XyS9Q5dQXXrHPSLxbA

Blockdit: https://www.blockdit.com/pages/600d1f1c393e750cdef0bc86

……………………………………….

เส้นทางอัศวิน

เป็นหนังเสือเกม แบบที่เราเคยเล่นตอนเด็กๆ ที่ต้องตัดสินใจ และ เปิดไปยังหน้าต่างๆ เพื่อดูผลลัพท์การตัดสินใจ

ธีมคือเราเป็นอัศวินฝึกหัด ออกเดินทางผจญภัย

โดยรวมก็เป็นสำหรับเด็ก พล๊อตสนุก แต่ไม่ได้ใช้ความคิดมาก ดีที่มี puzzle แทรกเป็นระยะๆ เลยพอให้สนุกขึ้น

.

เล่นไปรอบนึง แล้วเกิดไอเดีย
เอาไปเล่าเป็นนิทานให้ลูกฟัง (4 ขวบ)

พบว่าเด็กๆสนุกมาก เพราะได้เลือกเนื้อเรื่องนิทานเอง ต่างจากนิทานปรกติที่เคยฟัง

สิ่งที่เคยน่าเบื่อสำหรับผู้ใหญ่ เช่น การพลิกหนังสือไปมา พบว่าเด็กๆชอบมาก ลุ้นตามตื่นเต้น

โอเค มีโกงๆบ้าง ให้เด็กเล่นได้

นี่เล่าจบไป 1 รอใช้เวลา 2  วัน 
นี่ลูกๆขอให้เล่ารอบ 2 … สบายละ

ปล. เล่ม7

………………………………………

FB: https://m.facebook.com/TrangCatan

YouTube: https://youtube.com/channel/UCq2G7XyS9Q5dQXXrHPSLxbA

Blockdit: https://www.blockdit.com/pages/600d1f1c393e750cdef0bc86


……………………………………….

ปีศาจ

เล่มที่ 6

นิยายอมตะของไทย เขียนเมื่อปี 2496
หนังสือเก่าอายุร่วม 70 ปีแต่เนื้อหาไม่ได้เก่าเลย

เนื้อหาว่าด้วย การเมือง ความเหลื่อมล้ำ คนยุคเก่าที่ไม่ยอมรับความคิดคนยุคใหม่ ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง และ เรียกเด็กเหล่านั้นว่า “ปีศาจ”
ปีศาจของการเวลาได้เกิดขึ้นแล้ว ห้ามไม่ได้ แต่คนยุคเก่าทั้งหลายไม่ยอมรับมัน

สำนวนและภาษาการเล่าจะดูโบราณ พล๊อตดูไม่หวือหวาเหมือนนิยายปัจจุบัน
แต่สารที่หนังสือส่งมันแรง และ กระแทกหน้ามาก จนทำให้อ่านจบแล้วหยุดคิดไม่ได้

.

หนังสือจะเล่าถึงเหตุการณ์ความเหลื่อมล้ำ และ ทัศนคติในยุคนั้น
อ่านแล้วจะบอกว่า น้ำตาไหล เพราะว่า ไม่เปลี่ยนแปลงเลย

ปัญหาที่เคยเกิด ก็ยังคงอยู่
ไม่รู้จะเรียกว่าคนเขียนท่านอัจฉริยะ หรือ ประเทศเราย่ำอยู่ที่เดิม …​ เศร้าสัสครับ

สิ่งที่ตนเมื่อ 70 ปีก่อนเรียกร้อง ยังคงดังก้องอยู่ถึงปัจจุบัน
จริงๆ สังคมก็เปิดกว้างมากขึ้นนะ เสรีมากขึ้น แต่แก่นของปัญหาบางอย่างยังวนอยู่ที่เดิม

ทำให้บอกไม่ถูก ว่าอ่านแล้วรู้สึกอะไรระหว่างการมีความหวัง หรือ ทำให้ท้อแท้

มีความหวังเพราะ ไม่มีใครหยุดปีศาจแห่งการเวลาได้
ท้อแท้เพราะผ่านมานานมันก็ยังเหมือนเดิม

.

คำถามหลักที่ผมเกิดขึ้นกลายเป็นว่า สังคมเรามันมีการเป็นอยู่ และ สืบทอด สิ่งเหล่านี้มาได้อย่างไร

.

ว่ากันว่าตอนปฏิวัติเดือนตุลา นักศึกษาทุกคนล้วนได้เคยอ่านเล่มนี้
ก็อยากแนะนำให้ทุกคนได้อ่านนะครับ

แต่จริงๆ ไม่ต้องอ่านก็ได้ เพราะคุณไม่ได้พลาดอะไรไปหรอก
70 ปีที่ผ่านมา เรายังวนเวียนอยู่ที่เดิม

แต่ส่วนตัวผมมีความหวังนะ ปีศาจแห่งกาลเวลามันค่อยๆทำงานมัน
ค่อยๆกัดกินสิ่งที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงให้พังทลายลง … แค่มันอาจจะไม่ทันใจแค่นั้นเอง

ปล. ปีนี้ตอนแรกคาดว่าจะรีวิวหนังสือเป็น Podcast แต่พบว่าไม่ค่อยถนัดเท่าเขียน นี่ก็เลยกะว่าจะสลับไปสลับมา ตามความสะดวกของแต่ละช่วงเวลาชีวิตผมนะครับ

………………………………………

FB: https://m.facebook.com/TrangCatan

YouTube: https://youtube.com/channel/UCq2G7XyS9Q5dQXXrHPSLxbA

Blockdit: https://www.blockdit.com/pages/600d1f1c393e750cdef0bc86


……………………………………….


Princes of Florence

Princes of Florence

อีกหนึ่งใน เกม Classic Euro Board Game ที่ดีย์ และ อยากให้ลองเล่นกันครับ
จำได้ว่าตอนที่ผมได้ฟังกฏครั้งแรก ก็รู้สึกว้าวเลย และ พอได้เล่นก็ยิ่งชอบ เกมนี้เป็นไม่กี่เกมที่ ผมยังบรรยากาศครั้งแรกที่เล่นได้อยู่เลย แบบว่ามันถูกจริตมาก

.

ธีมเกม

เราเป็นเจ้าชายแห่งเมือง Florence ครับ เมืองแห่งศิลปะวิทยาการ เป้าหมายของเราคือ สร้างเมืองของเราให้สวยงามที่สุด และ โดนใจ ศิลปิน/ผู้รู้ต่างๆให้มาอยู่เมืองเรา เพื่อรังสรรค์ผลงานอันยิ่งใหญ่ โดยที่ยิ่งมีคนมาอยู่เยอะเราก็จะยิ่งได้แต้มเยอะ

.

กติกาคร่าวๆ

เกมเล่น 7 รอบจบ แต่ละรอบมี 2 Phase เริ่มต้นมาแต่ละคนจะมีการ์ด Profession ที่จะเป็นศิลปิน นักปราชญ์ ที่เราต้องเชิญมาอยู่ในเมือง

  1. Phase ประมูล
  • ง่ายๆ ตรงตัว ก็แข่งกันประมูลของ มีของ 7 อย่าง เช่น สระน้ำ แต่ละอย่างจะมีคนได้แค่คนเดียว แปลว่า ถ้ารอบนี้พลาดสระน้ำไป ต้องไปประมูลรอบหน้า
  • ของทุกอย่างมันต้องใช้ มีประโยชน์ แต่ดันประมูลไ้ด้แค่ตาละอย่าง บอกเลยว่าประมูลกันอย่างตึง
  1. Phase สร้าง – ทำได้ 2 Actions
  • สร้างตึก แต่ละตึกจะมีชื่ออยู่เช่น Lab อะไรทำนองนี้ การสร้างก็เอามาวางบนกระดานตัวเอง และ ห้ามวางติดกับตึกอื่น แต่มุมชนกันได้
  • สร้างอิสระภาพในเมือง เช่น อิสระภาพในการแสดงความคิดเห็น
  • แล้วก็ Action ประกาศเชิญ Profession มาอยู่ ทีนี้ให้ดูว่า อีคนเราจะเชิญมาเนี่ย เค้าเรียกร้องอะไรบ้าง เช่น อยากมีสระน้ำ อยากมี lab ถ้าเรามีอะไรบ้างที่ตรงตามความต้องการก็ได้สิ่งที่เรียกว่า work value … มีตรงเยอะ ก็ได้ work value เยอะ
  • work value เอาไปทำอะไร … ก็ให้เลือกเอาว่า จะเปลี่ยนไปเป็นแต้มหรือเงินเอาไว้ใช้สอย

เล่นครบ 7 รอบใครแต้มเยอะสุดชนะ … ง่ายมะ (โคตรตึง ขอบอก)

.

เกมนี้ตึงมากกก เพราะว่า มีแค่7รอบแต่ส่ิงที่ต้องทำมันเต็มไปหมด เช่น ประมูลของได้แค่ตาละชิ้น และ ทำ Action ได้อีกแค่ตาละ 2 อย่าง
รวมแล้วคือเกมนี้คุณทำได้ 7 Auctions 14 Actions นั่นแปลว่า เราสามารถคำนวนได้หมดเลยว่า จำนวนตาที่เหลืออยู่เราต้องทำอะไร ทำอะไรได้บ้าง เวลาเล่นนี่นั่งนับ Action กันเลย

เกมนี้จะความเป็น Multiplayer solitaire อยู่พอสมควรเพราะแต่ละคนต้องมานั่งคิด นั่งวางตึก แต่ว่าดีที่ ช่วงประมูลก็มี player interaction สูงมาก เลยทำให้ได้เงยหน้ามาคุยกัน

เป็นอีกเกมที่อยากให้ลองเล่นครับ กลมกล่อม เรียบง่าย ตึงเปรี๊ยะ

.

ผมมีความฝันนะ ว่าจะไปนั่งเล่นเกม Prince of Florence ในเมือง Florence ถถถถถ


………………………………………

FB: https://m.facebook.com/TrangCatan

YouTube: https://youtube.com/channel/UCq2G7XyS9Q5dQXXrHPSLxbA

Blockdit: https://www.blockdit.com/pages/600d1f1c393e750cdef0bc86


……………………………………….

Tigris & Euphrates

เป็นอีกหนึ่งใน Classic Euro Board Game ที่ควรลองเล่นซักครั้งหนึ่งในชีวิตครับ
เล่นแล้วบอกได้เลยว่า เป็นเกมที่รู้สึกว่า ใกล้เคียงกับการเล่นหมากรุกมากที่สุด เพราะมันทั้งตึง ซับซ้อนหลายชั้น ตีกันวุ่นวาย แต่กติกาเรียบง่ายมาก

ความเด็ดของเกมนี้คือการนับแต้มที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนเกมอื่น

.

ธีมเกมคือ มันเหมือนมีอาณาจักรเกิดขึ้นในลุ่มแม่น้ำ Tigris & Euphrates แต่ละเมืองก็มีความเจริญในสี่ด้าน เช่น กำลังรบ การค้า เป็นต้น
แต่ละเมืองถือว่าไม่มีเจ้าของ เราต้องส่ง leader ของเราไปยึด ขยายเมือง ตีเมืองคนอื่น หรือกระทั่ง ก่อการปฏิวัติยึดอำนาจ

แปลว่าเมืองต่างๆจะเปลี่ยนมือการปกครองไปได้เรื่อยๆ
ซึ่งทั้งหมดนี้ ทำได้ง่ายๆด้วยการวางไทด์ ตาละ2 Action … เรียบง่ายมาก

.

กติกาคร่าวๆ

  • ถึงตาเราก็ทำได้ 2 actions ซึ่งหลักๆก็มี วาง leader กับ วางไทด์
  • leader ของแต่ละคนมี 4 สี … อันนี้จะต่างจากเกมอื่นนะ ที่ปรกติแต่ละคนมีสีเป็นของตัวเอง แต่เกมนี้ทุกคนมีทุกสี … งงเด้
  • เมืองนึงมี leader ได้หลายตัว แต่ห้ามซ้ำสีกัน จะมาจากผู้เล่นคนไหนก็ได้ เช่นเมืองนี้ผมมี leader แดง แต่เพื่อนมี leader เขียว อันนี้ไม่เป็นไรเราอยู่ร่วมกันได้
  • ไทด์มี 4 สี แต่ละสีแทนอำนาจด้านต่างๆของเมืองนั้น
  • ถ้าเราวางไทด์ลงไปในเมืองไหนแล้ว leader ของสีที่ตรงกับสีไทด์นั้น จะได้ไป 1 แต้ม … แต้มก็มี 4 สีตามไทด์ … เราวางไทด์นะ แต่ถ้าสีนั้นไปตรงกับ leader สีของเพื่อน เพื่อนก็ได้แต้มไป

การนับแต้มจบเกม

  • ทีนี้ทุกคนจะมีแต้มจากทั้ง 4 สี ให้นับว่าแต่ละสีมีกี่แต้ม
  • แต้มจบของเราคือ แต้มจากสีที่น้อยที่สุด … งงเด้ (นับสีที่น้อยที่สุด ไม่ใช่มากที่สุด)

.

ถ้าคิดว่านี่ยังป่วนไม่พอ ฟังตรงนี้เพิ่ม

สงคราม

  • คือการที่ 2 เมืองถูกวางให้เชื่อมกัน leader สีเดียวกันของทั้งสองเมืองถูกบังคับให้มาตีกัน leaderคนแพ้ออกจากเกมกลับขึ้นมือเจ้าของ และ คนชนะได้แต้ม
  • คนที่ตีกัน ดูจากสีนะ ไม่ใช่คนวางไทด์ เช่นขา 1 เชื่อมเมือง แต่ทำให้ leader แดง ของ ขา2และขา3 ต้องมาตีกัน … โคตรเสี้ยม

ปฏิวัติ

  • คือการที่มีคนเปรี้ยว วาง leader ลงบนเมืองที่มี leader ของคนอื่นสีเดียวกันอยู่แล้ว สองคนวัดกำลังกัน คนแพ้เสียleader กลับขึ้นมือ และ คนชนะได้แต้ม

สร้างอนุสาวรีย์

  • ไทด์สีเดียวกัน วางต่อกันเป็นสี่เหลี่ยม 2×2 จะสร้างอนุสาวรีย์ได้ ซึ่งมีสีอยู่ และ leader ที่สีตรงกับ อนุสาวรย์ จะได้สีนั้นตาละแต้ม … โคตรโหด

ก็เป็น flow เกม คร่าวๆนะครับ จริงๆมีรายละเอียดนิดหน่อยเช่น ตีเมืองนี่วัดกำลังกันยังไงแต่ขออนุญาตไม่เล่าเพราะมันจะยาวไป

.

อย่างที่บอกว่าความเด็ดของเกมนี้คือ นับแต้มจากสีที่มีคะแนนน้อยที่สุด
ทำให้เกมมันตึง และ ต่อสู้ตลอดเวลา เพราะเราต้องคอยหาจังหวะเพิ่มแต้มที่ยังขาดอยู่เรื่อยๆ

กระดานที่เหมือนจะใหญ่ แต่พอเล่นไปก็ตึงและแน่นไปหมดจนไม่มีที่วาง
leader เราตัวที่แต้มน้อยก็ต้องคอยหาทางเอาไปวางเพื่อปั่นแต้ม

แถมพอจะเริ่มทำแต้มได้บ้าง เพื่อนดันก็เชื่อมเมือง ทำให้เราต้องทำสงครามอีกซะงั้น

เกมแม้จะใช้วิธีจั่วไทด์จากถุง แต่ระบบออกแบบมาดีมากจนรู้สึกว่าดวงมีผลน้อยมากกก ต้องวางแผนกันสุด จึงหลายๆคนเลยชอบบอกว่า เล่นเกมนี้แล้วเหมือนเล่นหมากรุก

อันนี้จริง เล่นแล้วหัวร้อนมาก

ก็ถ้าว่าท่านใดมีโอกาส อยากลองเล่นแนวคลาสสิคยูโร ก็ไม่ควรพลาดเกมนี้ครับ
เกมนี้มันอมตะ ท้าทาย ชาตินี้ต้องลอง

………………………………………


FB: https://m.facebook.com/TrangCatan

YouTube: https://youtube.com/channel/UCq2G7XyS9Q5dQXXrHPSLxbA

Blockdit: https://www.blockdit.com/pages/600d1f1c393e750cdef0bc86


……………………………………….

To-date Thinking vs To-go Thinking

To-date Thinking คือการคิดที่มองว่า เราได้ทำอะไรสำเร็จมาแล้วบ้างจนถึงปัจจุบัน เช่น ตอนนี้ทำโปรเจคไปแล้ว 40%
To-go Thinking คือการคิดว่า เหลืออีกเท่าไหร่ถึงจะบรรลุเป้าหมาย เช่น ตอนนี้เหลืออีก 60% กว่าจะเสร็จโปรเจค

งานวิจัยบอกว่า มุมมองแบบ To-go Thinking จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายได้ดีกว่า เพราะการคิดแบบแรกมันจะให้ความรู้สึกว่า เราประสบความสำเร็จบางส่วนแล้ว
เช่น ได้มีการทดลองว่า บอกนักศึกษาว่า เรียนจบไปแล้ว 48% กับ เหลือให้เรียนอีก 52% พบว่าแบบหลังนักศึกษาจะมีแรงจูงใจให้เรียนจนจบมากกว่า

คือเค้าอธิบายว่า พอเรารู้สึกว่าได้สำเร็จอะไรบางอย่างมาระดับนึงแล้ว เราก็จะ balance ตัวเองด้วยการไปทำงานอื่นที่รู้สึกว่ายังไม่สำเร็จ
สุดท้ายก็อาจจะทำให้ไม่เสร็จอะไรซักอย่าง

.

ถ้าจะออกแบบเกม ก็แนะนำว่า ลองเปลี่ยนมุมมองไปบอกผู้เล่นว่าเหลืออีกเท่าไหร่ที่เค้าต้องทำ มันจะจูงใจกว่า บอกว่าเค้าสำเร็จมาแล้วเท่าไหร่
น่าสนใจมาก
.

To-date Thinking มันดีตรงที่จะช่วยให้อุ่นใจ ให้สบายใจว่า ทุกวันนี้เราดีแล้ว [Being Good]
แต่ To-go Thinking จะช่วยให้เราเดินต่อพัฒนาไปข้างหน้า [Getting Better]

การคิดแบบ To-date Thinking ที่ดีคือไม่ใช่มองว่า จนถึงปัจจุบันเรา”สำเร็จ”อะไรบ้าง แต่ควรมองว่า จนถึงปัจจุบันเราได้ “เรียนรู้” อะไรบ้าง เพื่อที่จะได้รู้ว่าต้องเดินต่อยังไงให้ดี

.

เวลาฟังใครพูดอะไรก็สามารถใช้มุมมองนี้ไปจับดูได้ ว่าคนพูดเค้ากำลังพูดแบบ To-date หรือ To-go

เช่นเรื่องการอธิบายต่างๆเกี่ยวกับการจัดการโควิดในบ้านเรา จะเห็นว่าส่วนใหญ่จะเป็น To-Date ว่าทำดีแล้ว ทำมาเยอะแล้ว
วัคซีนที่เราเลือกมาดีแล้ว การจัดการเราดีแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะที่ผ่านมาเราไม่ระวังตัว

ก็เข้าใจว่าอยากให้คนไม่แตกตื่น แต่คนจะอุ่นใจกว่า ถ้ารู้ว่าทางที่จะเดินต่อไปมันมั่นใจได้ ไม่ใช่คำอธิบายว่าที่ผ่านมาโอเคแล้ว

.

ก็มาฟังเพลงกัน
สุขสันต์วันสงกรานต์นะครับ

………………………………………


FB: https://m.facebook.com/TrangCatan

YouTube: https://youtube.com/channel/UCq2G7XyS9Q5dQXXrHPSLxbA

Blockdit: https://www.blockdit.com/pages/600d1f1c393e750cdef0bc86


……………………………………….

ย่อเพื่อกระโดด

วันก่อนเพิ่งค้นพบว่า ผมมีนิสัยอย่างนึงเวลาเล่นบอร์ดเกม คือ ยอมขาดทุน ยอมเสียเปรียบ ถ้าเราได้ Move ไปข้างหน้า หรือ ได้ยืนบน Position สำคัญบางอย่าง

เช่น ในคาทาน ผมมักจะยอมเทรดขาดทุน เพื่อได้สร้างบ้าน ในจุดที่ตัวเองต้องการ คือแบบมีคนทักบ่อยว่าแลกเยอะๆแบบนี้จะคุ้มหรอ เพื่อบ้านหลังเดียว

ฟังดูก็เป็นกลยุทธ์การเล่นเกมแบบมาตราฐานอ่ะนะ แต่นี้เป็นท่าหลักของผมเลย ใช้แทบทุกเกมที่ทำได้

เล่าทำไม คือเพิ่งมาสังเกตว่าผมใช้ท่านี้ในชีวิตจริงบ่อยมาก ถ้าเห็นว่าอะไรดี อะไรควรเอา ควรทำ ก็ยอมขาดทุนหรือลำบากเพื่อได้มา

มีหลายคนทัก เช่น มันคุ้มหรอ ไม่เสียดายสิ่งที่ทำมาหรอ แต่ส่วนตัวรู้สึกว่า ถ้าไม่ยอมย่อ แล้วจะกระโดไปข้างหน้าได้ยังไง

ที่น่าสนใจคือ ในชีวิตจริงมันตัดใจยากไง ว่าสิ่งที่ต้องเสียไปมันจะคุ้มมั้ย

ชีวิตจริงเราไม่รู้อนาคตข้างหน้า เราคงต้องเชื่อมั่นใน Vision ของตัวเองว่าจุดที่กำลังไปมันสำคัญ มันคุ้มค่าเทรด

ก็แปลกดีนะ ที่การเล่นเกมทำให้เข้าใจตัวเองได้มากขึ้น เลยอยากเล่าให้ฟัง เพราะตัวเองรู้สึก enlighten มาก

เพื่อนๆมีท่าในเกม ที่ใช้ในชีวิตจริงบ้างมั้ยครับ 🙂

………………………………………


FB: https://m.facebook.com/TrangCatan

YouTube: https://youtube.com/channel/UCq2G7XyS9Q5dQXXrHPSLxbA

Blockdit: https://www.blockdit.com/pages/600d1f1c393e750cdef0bc86


……………………………………….